เอ็นเทนนิสนั้นสำคัญไฉนคุณเคยรู้มั้ยว่า power ในการตีลูกบอลนั้น
60% มาจากเอ็นไม้เทนนิส
30% มาจากลูกเทนนิสและวัสดุที่เป็นยางในลูกเทนนิส
10% มาจากตัวเราเอง และเฟรมไม้เทนนิส(ไม่รวมถึงเอ็น)
10 ข้อควรจำเกี่ยวกับความแตกต่างในการเลือกเอ็นไม้เทนนิส :-
1. เอ็นที่ขึ้นด้วย tension น้อยให้ power มากเพราะเอ็นมีการเคลื่อนตัวมากขณะกระทบลูก ทำให้เกิดพลังงานมาก
2. เอ็นที่ขึ้นด้วย tension มากให้ power น้อยแต่ให้ control หรือความสามารถในการควบคุมทิศทางบอลมากขึ้น
3. พื้นที่เอ็นไม้เทนนิสยิ่งมาก power ยิ่งมาก เพราะฉะนั้นไม้เทนนิสที่มีหน้าไม้กว้าง จะให้ power เยอะกว่าหน้าไม้แคบเพราะจุดที่เรียกว่า sweet spot จะใหญ่กว่า (จุด sweet spot อยู่ประมาณกึ่งกลางของหน้าไม้เทนนิส เป็นจุดที่กระทบกับลูกบอลแล้วไม้เทนนิสสั่นสะเทือนน้อยมากหรือไม่สั่นสะเทือนเลย เช่นเดียวกับไม้กอล์ฟที่มีจุด sweet spot ที่เมื่อลูกกระทบแล้วจะพุ่งไปแรงที่สุด)
4. ความถี่หรือความหนาแน่นของเอ็นเทนนิสน้อย ให้ power มากกว่า
5. เอ็นเส้นเล็กให้ power มากกว่า
6. เอ็นที่มี elasticity หรือความยืดหยุ่นมาก ให้ power มากกว่าและช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนขณะตีได้มากกว่า
7. เอ็นที่อ่อนหรือเอ็นที่มีผิวเคลือบที่จับดูแล้วรู้สึกว่าไม่กรอบหรือกระด้าง จะช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า
8. เอ็นเส้นเล็กทำให้ตีลูก spin ได้ดีกว่า
9. ความถี่หรือความหนาแน่นของเอ็นเทนนิสน้อยทำให้ตีลูก spin ได้ดีกว่า
10. เอ็นที่มีความยืดหยุ่นมาก เวลาที่ขึ้นเอ็นเสร็จ tension หรือความตึงก็จะลดลงจากที่ควรเป็นมากเช่นกันลองนำไปประยุกต์ดูนะครับ สำหรับคนที่มีอาการเจ็บข้อมือประจำอาจลองพิจารณาเลือกเอ็นที่ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีๆ
ที่มา : เรียบเรียงจาก Bollettieri's Tennis Handbook
วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
หลักในการเลือกซื้อเอ็นไม้เทนนิส
หลักในการเลือกซื้อเอ็นไม้เทนนิส
การเลือกซื้อเอ็นไม้เทนนิสนอกจากไม้เทนนิสแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือเอ็นที่ใช้กับไม้เทนนิส ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการดูแลรักษาเอ็นไม้เทนนิส
1. ควรเก็บไม้เทนนิสไว้ในถุงหลังจากไม่ได้ใช้งาน เพราะฝุ่นที่ไปเกาะและสะสมที่เอ็นทำให้เอ็นเทนนิสเสื่อมสภาพได้ง่าย
2. หลีกเลี่ยงอากาศร้อนโดยเด็ดขาด ไม่ควรวางตากแดดหรือว่าเก็บไว้ในรถ ความร้อนทำให้เอ็นเทนนิสหย่อนและเสื่อมสภาพได้เมื่อเอ็นเทนนิสเสื่อมสภาพ มันจะไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม ดีดตัวกลับช้า ทำให้ power ในการตีลดลง ความถี่ในการเปลี่ยนเอ็นนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเล่นเทนนิสสไตล์ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดควรเปลี่ยนปีละสองครั้ง
การเลือกซื้อเอ็นเทนนิสการเลือกเอ็นเทนนิสขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น สไตล์การเล่น ไม้เทนนิส พื้นผิวสนามเทนนิส ความถี่ในการทำเอ็นเทนนิสขาด อาการบาดเจ็บ และราคา
เอ็นที่เรียกว่า natural gut ถือว่าเป็นเอ็นที่ดีที่สุด คือดีทั้งในด้าน control และ power อย่างไรก็ตามราคาก็แพงที่สุดด้วย ชุดนึงอาจราคาสูงถึง 2 พันบาทก็มี ข้อเสียอย่างอื่นก็คือความไม่ทนทานและเปลี่ยนสภาพง่ายหากอากาศเปลี่ยน ดังนั้นถ้าเราไม่ได้เป็นนักเทนนิสอาชีพหรือมีเงินเหลือเฟือก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ natural gut
สำหรับคนที่ต้องการ playability (ความสามารถในการเล่นลูกได้ดี สำหรับทุกสโตรค) ให้เลือกเอ็นที่เส้นค่อนข้างเล็ก (thin guage string) เบอร์ 17 หรือ 18 แต่เอ็นเส้นเล็กก็ไม่ทนทาน (durability) เท่ากับเอ็นเส้นใหญ่แต่ว่า playability จะดีกว่าเอ็นเส้นใหญ่
สำหรับคนที่ทำเอ็นขาดเป็นประจำอาจเลือกใช้เอ็นที่เส้นใหญ่ขี้นมาหน่อย หรือใช้วัสดุประเภท Kevlar/Technora หรือ Polyester แต่ playability และ power ก็จะลดลง
ถ้าต้องการให้ลูก spin มากๆ ให้เลือกเอ็นประเภท textured string หรือเอ็นเส้นเล็ก (thin guage)สำหรับคนที่มีอาการบาดเจ็บที่แขนและข้อมือเป็นประจำให้เลือกใช้เอ็นที่อ่อน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า soft string หรือ soft coating string เพื่อช่วยลดแรงสะเทือนขณะลูกบอลกระทบไม้
ความหนาของเอ็น (String Gauge)ความหนาของเอ็นหรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เกี่ยวข้องโดยตรงกับ playability และความทนทาน เอ็นเส้นใหญ่ทนทานกว่า ในขณะที่เอ็นเส้นเล็กให้ playability ที่ดีกว่า ขนาดของเอ็นหรือ string gauge เริ่มต้นที่ 15 (ใหญ่สุด) ไปจนถึง 18 (เล็กสุด)
ความตึง (String Tension)เอ็นที่ตึงมากให้ control มากแต่ power น้อยตรงกันข้ามกับเอ็นที่ตึงน้อยจะให้ power มากกว่า ถ้าเราเล่นบนพื้นผิวที่แข็งซึ่งลูกจะเร็วอยู่แล้ว เช่นพื้นซีเมนส์ อาจขึ้นเอ็นให้ตึงหน่อยเพื่อให้เรา control ลูกบอลได้ง่าย และถ้าเล่นคอร์ตนิ่มเช่นคอร์ตดิน ลูกบอลจะกระดอนช้า เราอาจไม่ต้องขึ้นเอ็นให้ตึงมากเพื่อเพิ่ม power ในการตีลูก ถ้าเรามีปัญหาเรื่องบาดเจ็บที่ข้อมือบ่อยๆ อาจขึ้นเอ็นไม่ต้องตึงมากเพื่อจะได้ตีลูกได้แรงโดยไม่ต้องสวิงมาก และช่วยลดแรงสะเทือนขณะลูกบอลกระทบไม้ เลือกใช้ความตึง tension ตามที่ระบุไว้ในไม้เทนนิส ซึ่งก็กว้างพอให้เราได้เลือกใช้ตามความถนัดและสไตล์การเล่นของเรา
ที่มา : บทความของบริษัทขายเอ็นไม้เทนนิส Gosen
การเลือกซื้อเอ็นไม้เทนนิสนอกจากไม้เทนนิสแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือเอ็นที่ใช้กับไม้เทนนิส ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการดูแลรักษาเอ็นไม้เทนนิส
1. ควรเก็บไม้เทนนิสไว้ในถุงหลังจากไม่ได้ใช้งาน เพราะฝุ่นที่ไปเกาะและสะสมที่เอ็นทำให้เอ็นเทนนิสเสื่อมสภาพได้ง่าย
2. หลีกเลี่ยงอากาศร้อนโดยเด็ดขาด ไม่ควรวางตากแดดหรือว่าเก็บไว้ในรถ ความร้อนทำให้เอ็นเทนนิสหย่อนและเสื่อมสภาพได้เมื่อเอ็นเทนนิสเสื่อมสภาพ มันจะไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม ดีดตัวกลับช้า ทำให้ power ในการตีลดลง ความถี่ในการเปลี่ยนเอ็นนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเล่นเทนนิสสไตล์ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดควรเปลี่ยนปีละสองครั้ง
การเลือกซื้อเอ็นเทนนิสการเลือกเอ็นเทนนิสขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น สไตล์การเล่น ไม้เทนนิส พื้นผิวสนามเทนนิส ความถี่ในการทำเอ็นเทนนิสขาด อาการบาดเจ็บ และราคา
เอ็นที่เรียกว่า natural gut ถือว่าเป็นเอ็นที่ดีที่สุด คือดีทั้งในด้าน control และ power อย่างไรก็ตามราคาก็แพงที่สุดด้วย ชุดนึงอาจราคาสูงถึง 2 พันบาทก็มี ข้อเสียอย่างอื่นก็คือความไม่ทนทานและเปลี่ยนสภาพง่ายหากอากาศเปลี่ยน ดังนั้นถ้าเราไม่ได้เป็นนักเทนนิสอาชีพหรือมีเงินเหลือเฟือก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ natural gut
สำหรับคนที่ต้องการ playability (ความสามารถในการเล่นลูกได้ดี สำหรับทุกสโตรค) ให้เลือกเอ็นที่เส้นค่อนข้างเล็ก (thin guage string) เบอร์ 17 หรือ 18 แต่เอ็นเส้นเล็กก็ไม่ทนทาน (durability) เท่ากับเอ็นเส้นใหญ่แต่ว่า playability จะดีกว่าเอ็นเส้นใหญ่
สำหรับคนที่ทำเอ็นขาดเป็นประจำอาจเลือกใช้เอ็นที่เส้นใหญ่ขี้นมาหน่อย หรือใช้วัสดุประเภท Kevlar/Technora หรือ Polyester แต่ playability และ power ก็จะลดลง
ถ้าต้องการให้ลูก spin มากๆ ให้เลือกเอ็นประเภท textured string หรือเอ็นเส้นเล็ก (thin guage)สำหรับคนที่มีอาการบาดเจ็บที่แขนและข้อมือเป็นประจำให้เลือกใช้เอ็นที่อ่อน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า soft string หรือ soft coating string เพื่อช่วยลดแรงสะเทือนขณะลูกบอลกระทบไม้
ความหนาของเอ็น (String Gauge)ความหนาของเอ็นหรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เกี่ยวข้องโดยตรงกับ playability และความทนทาน เอ็นเส้นใหญ่ทนทานกว่า ในขณะที่เอ็นเส้นเล็กให้ playability ที่ดีกว่า ขนาดของเอ็นหรือ string gauge เริ่มต้นที่ 15 (ใหญ่สุด) ไปจนถึง 18 (เล็กสุด)
ความตึง (String Tension)เอ็นที่ตึงมากให้ control มากแต่ power น้อยตรงกันข้ามกับเอ็นที่ตึงน้อยจะให้ power มากกว่า ถ้าเราเล่นบนพื้นผิวที่แข็งซึ่งลูกจะเร็วอยู่แล้ว เช่นพื้นซีเมนส์ อาจขึ้นเอ็นให้ตึงหน่อยเพื่อให้เรา control ลูกบอลได้ง่าย และถ้าเล่นคอร์ตนิ่มเช่นคอร์ตดิน ลูกบอลจะกระดอนช้า เราอาจไม่ต้องขึ้นเอ็นให้ตึงมากเพื่อเพิ่ม power ในการตีลูก ถ้าเรามีปัญหาเรื่องบาดเจ็บที่ข้อมือบ่อยๆ อาจขึ้นเอ็นไม่ต้องตึงมากเพื่อจะได้ตีลูกได้แรงโดยไม่ต้องสวิงมาก และช่วยลดแรงสะเทือนขณะลูกบอลกระทบไม้ เลือกใช้ความตึง tension ตามที่ระบุไว้ในไม้เทนนิส ซึ่งก็กว้างพอให้เราได้เลือกใช้ตามความถนัดและสไตล์การเล่นของเรา
ที่มา : บทความของบริษัทขายเอ็นไม้เทนนิส Gosen
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)